หยุดบุหรี่ หยุดทำลายสิ่งแวดล้อม

ข่าว/กิจกรรม 30 พ.ค. 65 | เข้าชม: 909

หลายคนทราบดีถึงผลกระทบของบุหรี่ที่มีต่อสุขภาพ โดยเฉพาะการก่อโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ ที่เกิดจากสารพิษที่อยู่ในบุหรี่  อย่างไรก็ตามอีกสิ่งหนึ่งที่เราไม่ควรมองข้ามภัยจากบุหรี่ ก็คือ การสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมไม่ว่าจะเป็นป่าไม้ ดิน แหล่งน้ำ และมลพิษทางอากาศ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เมื่อถูกทำลายไปแล้วก็ยากที่จะฟื้นฟูธรรมชาติให้กลับคืนมาดังเดิม

ด้วยเหตุนี้ มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับองค์การอนามัยโลก  ประเทศไทย  จัดการสัมมนาภาคีเครือข่าย และแถลงข่าวเนื่องในวันงดสูบบุหรี่โลก 31 พฤษภาคม 2565 ขึ้น ในรูปแบบ Hybrid ณ ห้องประชุมพระศิวะ โรงแรมอัศวิน แกรนด์ คอนเวนชัน ถนนวิภาวดี เพื่อเชิญชวนทุกคนปกป้องสุขภาพ และสิ่งแวดล้อมจากภัยยาสูบ ด้วยการสร้างความตระหนักให้แก่ประชาชนถึงผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นจากวงจรการปลูก การผลิต การจัดจำหน่ายยาสูบ ของเสีย และขยะที่เกิดจากการสูบบุหรี่

“ตลอดวงจรชีวิตยาสูบตั้งแต่การปลูก การผลิต การจัดจำหน่ายยาสูบ ของเสีย และขยะที่เกิดจากการสูบบุหรี่ สร้างมลพิษทำลายสิ่งแวดล้อม ทำลายสุขภาพทุกคน”   เป็นความเห็นจาก ศ. นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ ประธานมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่

ศ. นพ.ประกิต เล่าว่า ปีนี้องค์การอนามัยโลกให้ความสำคัญกับเรื่องสิ่งแวดล้อม โดยในแต่ละปีจะมีขยะก้นบุหรี่ที่ถูกทิ้งตามที่ต่าง ๆ มากถึง 4.5 ล้านล้านชิ้น โดยเฉพาะตามชายหาดจะพบก้นบุหรี่ถูกทิ้งเกลื่อนกลาดเป็นจำนวนมาก ซึ่งก้นบุหรี่มีส่วนผสมของพลาสติกที่ย่อยสลายยาก รวมไปถึงเศษยาเส้นที่หลงเหลืออยู่ เป็นมลพิษต่อชายหาดเพราะทำให้น้ำทะเลปนเปื้อน ซึ่งในต่างประเทศอย่างเช่น สหรัฐอเมริกา มีการออกกฎหมายห้ามสูบบุหรี่ตามชายหาดหลายแห่ง ขณะที่ประเทศสเปนกำหนดห้ามสูบบุหรี่ที่ชายหาดทั่วประเทศ เพื่อลดขยะก้นบุหรี่ที่ถูกทิ้งลงสู่สิ่งแวดล้อม ซึ่งผู้ฝ่าฝืนต้องเสียค่าปรับถึง 5 หมื่นบาท ขณะที่ประทศไทยก็เริ่มตื่นตัวและกำหนดห้ามสูบบุหรี่ตามชายหาดต่าง ๆ บ้างแล้ว

ขณะที่ แพทย์หญิง โอลิเวีย นีเวอราส ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคไม่ติดต่อ องค์การอนามัยโลกประจำประเทศไทย ให้ข้อมูลว่า บุหรี่สร้างผลกระทบต่อแหล่งน้ำ โดยในทุกกระบวนการผลิตบุหรี่หนึ่งมวน ตั้งแต่การปลูก การผลิต การกระจายจัดจำหน่าย การสูบและการกำจัด ต้องใช้น้ำถึงประมาณ 3.7 ลิตร และถ้าทิ้งก้นบุหรี่ลงไปในน้ำ ประมาณ 96 ชั่วโมง ปลาส่วนใหญ่ในน้ำจะตาย ขณะที่ผืนป่าในแต่ละปีพื้นที่ประมาณ 1.25 ล้านไร่ทั่วโลก ถูกแผ้วถางเพื่อทำการเพาะปลูก และบ่มใบยาสูบ และต้องใช้เวลาถึง 10 ปีในการย่อยสลายก้นบุหรี่ ซึ่งมีสารเคมีกว่า 7,000 ชนิด ปนเปื้อนลงสู่ดิน โดย 70 ชนิดเป็นสารก่อมะเร็ง และก้นบุหรี่ ถือเป็นขยะที่ถูกทิ้งมากที่สุดและเป็นขยะที่พบบ่อยที่สุดบนชายหาด

“ก้นบุหรี่เป็นขยะชิ้นเล็ก ๆ ที่เรามักจะมองข้ามไป แต่พอเก็บมากองรวมกันจะกลายเป็นขยะพิษกองมหึมา เป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อสิ่งแวดล้อม” เป็นมุมมองของ รองศาสตราจารย์ ดร.เนาวรัตน์ เจริญค้า ภาควิชาวิศวกรรมสุขาภิบาล คณะสาธารณสุขศาสตร์ ม.มหิดล และสถาบันส่งเสริมสุขภาพไทย มูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ

รองศาสตราจารย์ ดร.เนาวรัตน์ อธิบายว่า ในการผลิตบุหรี่ 1 มวน ตั้งแต่เริ่มปลูกจนถึงการกำจัดทิ้ง จะมีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 14 กรัม ดังนั้น ในแต่ละปีการผลิตยาสูบทำให้เกิดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เกือบ 84 ล้านเมตริกตัน นอกจากนี้ ควันบุหรี่ ยังสร้างก๊าซเรือนกระจก เป็นมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมทั้งภายในอาคารและกลางแจ้งอย่างชัดเจน มีผลสำรวจพบว่าใน 100 คนจะมี 65 คนที่ทิ้งก้นบุหรี่อย่างไม่เหมาะสม เช่น ทิ้งตามทางเท้า ทิ้งบนชายหาด เป็นต้น นอกจากนี้ ก้นกรองบุหรี่ยังทำมาจากเส้นใยเซลลูโลสอะซิเตท ซึ่งยากต่อการย่อยสลายและเป็นสาเหตุของการปนเปื้อนไมโครพลาสติกในสิ่งแวดล้อม ซึ่งต้องใช้เวลาเป็น 10 ปีในการย่อยสลาย

ด้านนายอภิชัย เอกวนากุล รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ขยะก้นบุหรี่พบบ่อยมากในชายหาด และหลายครั้งที่ทำการผ่าพิสูจน์ซากสัตว์ทะเลที่เกยตื้นเสียชีวิต เช่น เต่า ปลาวาฬ และพะยูน ก็จะเจอขยะพลาสติกและก้นบุหรี่อุดตันในท้องเป็นจำนวนมากและจากการลงพื้นที่สำรวจปริมาณก้นบุหรี่บนชายหาด จำนวน 5 แห่ง พบว่า ชายหาดแต่ละแห่งมีก้นบุหรี่ตกค้างอยู่ถึง 1 แสนชิ้น ยังไม่นับรวมก้นบุหรี่ที่ไหลลงสู่ท้องทะเล จึงได้มีการจัดทำโครงการชายหาดปลอดบุหรี่ พร้อมกำหนดโทษผู้ฝ่าฝืนทิ้งก้นบุหรี่ลงบนชายหาด โดยมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

นายอภิชัย กล่าวต่อว่า การทิ้งก้นบุหรี่ลงบนชายหาด ส่งผลกระทบต่อคน สัตว์น้ำและสิ่งแวดล้อม ดังนี้

  1. ขยะจากก้นกรองบุหรี่ ประกอบด้วยสารเคมี เช่น ท็อกซิน นิโคติน สารหนู ยาฆ่าแมลง สารก่อมะเร็ง สามารถทำให้น้ำทะเลปนเปื้อนและสะสมสารพิษ
  2. ส่งผลโดยตรงต่อจุลินทรีย์และสิ่งมีชีวิตน้อยใหญ่ เช่น กุ้ง หอย ปู ปลา ส่วนสัตว์น้ำขนาดใหญ่ เช่น ปลาวาฬ พะยูน และเต่าทะเล มักได้รับผลกระทบจากการกินขยะประเภทนี้ จนเกิดการอุดตันของทางเดินหายใจและทางเดินอาหาร
  3. ก้นกรองบุหรี่เป็นขยะพลาสติก ใช้เวลาในการย่อยสลายมากกว่า 2-12 ปี ตกค้างอยู่ในสิ่งแวดล้อม กลายเป็นสารพิษทำลายสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะสิ่งแวดล้อมทางทะเล

บุหรี่ทำลายสิ่งแวดล้อมในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การปลูกต้นยาสูบ การผลิต จัดจำหน่าย การสูบ และขยะจากบุหรี่  ก่อให้เกิดความเสียหายทั้งแก่สิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจของประเทศ สสส. และภาคีเครือข่าย ขอร่วมอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และรณรงค์สร้างสิ่งแวดล้อมปลอดบุหรี่ สำหรับผู้สนใจที่อยากเลิกบุหรี่ สามารถโทรเพื่อขอรับคำปรึกษาได้ที่สายด่วนเลิกบุหรี่ 1600

 

เรื่องโดย ฉัตร์ชัย นกดี Team Content www.thaihealth.or.th